ก่อนจะไปพูดถึงเกมชี้ชะตารอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ขอเกริ่นก่อนว่า โดยปกติแล้ว หาก ‘ไก่เดือยทอง’ ต้องลงแข่งขันกับ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ย่อมต้องมีการพูดถึงก่อนเกมเป็นอย่างมาก แต่สาเหตุหลักที่ศึก ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ ครั้งนี้ไม่มีสปอร์ตไลท์จับจ้องมากนัก เนื่องจากในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง สนามเวมบลีย์จะเปิดไฟอีกครั้ง โดยเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล 

ทั้งสองทีม มีฤดูกาลที่ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จากทีมฟอร์มกระท่อนกระแท่น จนเสื้อเหลือขึ้นป้าย SALE มาให้เห็นเดินกันเต็มห้าง โดยเฉพาะฝั่ง ‘ผีแดง’ ทีมขวัญใจชาวไทย ที่แทบจะการันตีอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า และเผลอๆอาจฝันถึงการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ด้วยซ้ำ

ส่วน นิวคาสเซิล ก็ถีบตัวเองจาก หนีตกชั้น ขึ้นมาเป็น หนีที่ห้า(ห้ามผวน) เพื่อหวังคิดการใหญ่ในการไปเล่น UCL ได้เลยเช่นกัน

จุดน่าสนใจคือ ทั้งสองทีมต้องการคว้าถ้วย ‘มิกกี้ เมาส์ คัพ’ ใบนี้ เพื่อเป็นประกาศศักดาว่า นี่กำลังจะเป็นยุคใหม่ของตนเอง ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าน้ำเหลวมาแล้ว 5 ฤดูกาลติด ส่วน นิวคาสเซิล ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้ถ้วยในระดับเมเจอร์ ต้องย้อนกลับไปถึงปี 1955 หรือแม้แต่รอบชิงชนะเลิศครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่ แอนโทนี่ กอร์ดอน ยังไม่เกิด

ว่าด้วยเรื่องประสบการณ์ลุ้นแชมป์ แน่นอนว่าทีมของ อิริค เทน ฮาค มีมากกว่าพอสมควร เนื่องจากนักเตะหลายคนเคยผ่านความสำเร็จมาแล้ว ส่วนคู่แข่งอย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ก็ไม่เคยพาทีมลุ้นแชมป์ และลูกทีมเกือบทุกคนก็ไม่เคยเล่นรอบชิง

อีกทั้งการที่ ‘สาลิกาดง’ หมดสิทธิใช้ นิค โป๊ป ลงเฝ้าเสาในเกมนี้ มองมุมไหน ถ้วย คาราบาว คัพ ก็น่าจะกลับไปอยู่บนตู้โชว์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่อย่างนั้นก็เตรียม ลาสุนัข ไปออกผนวชฉันบวบได้เลย

แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือ ‘ฟุตบอล’ กีฬาที่โรคจิตที่สุดในโลก เพราะไม่ว่าใครจะเป็นต่อก่อนลงสนามแค่ไหน ทว่าหากในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ ยิงยังไงก็ไม่เป็นประตู ซึ่งเกมนี้นอกจากจะมีถ้วยแชมป์เป็นเดิมพันแล้ว ฝ่ายแพ้อาจสูญเสียกำลังใจ จนได้รับผลกระทบอื่นๆต่ออีกหลังจากนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วถ้วย คาราบาว คัพ จะตกไปอยู่กับใคร ก็ต้องตามลุ้นกัน ค่ำคืนนี้ 23.30 น.